HOTSPOT
กินกุ้งกัน@ภูเก็ต

ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณจะต้องลอง “กินกุ้งกัน@ภูเก็ต” และคุณจะต้องมาทานที่ภูเก็ตเท่านั้น เพราะ กุ้งพรีเมี่ยมพิเศษแบบนี้ มีที่นี่ ที่ภูเก็ต ที่เดียวในประเทศไทย !!!

เรา คือ เกษตรกร เราจึงมีวัตถุดิบกุ้งพรีเมี่ยมมาบริการท่านอย่างไม่อั้น

เรามาจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรุ่นแรกๆ ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2534 ล้มลุกคลุกคลานจนเข้าในวิถีธรรมชาติของธุรกิจการเลี้ยงกุ้ง ด้วยจิตใจและมิตรไมตรีที่ดี ทำให้กลุ่มเราเกิดความผูกพันธ์ ร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีธรรมชาติแก่กัน เราจึงมีอุดมการณ์ร่วมกันที่มุ่งสู่ความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยวิถีธรรมชาติ โดยเลียนแบบ และใช้ธรรมชาติช่วยเราเลี้ยงกุ้งให้มากที่สุด เราขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงกุ้งแบบวิถีธรรมชาติให้คุณได้รับทราบดังนี้

การเลี้ยงกุ้งแบบวิถีธรรมชาติ เริ่มที่เกษตรกรผู้เลี้ยงต้องมีจิตวิญญาณที่มั่นคง ไม่โลภมาก คือ จัดสมดุลของความเสี่ยง กำไร ความสามารถ และความสุขของตนเอง ซึ่งเหล่านี้จะได้มาจากประสบการณ์สั่งสมในธุรกิจที่ยาวนาน สำหรับการเลี้ยงกุ้ง การวางแผนการจัดการการเลี้ยงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะต้องถูกวางแผนอย่างดี มุ่งสู่ความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีธรรมชาติโดยเลียนแบบ และใช้ธรรมชาติช่วยเราเลี้ยงให้มากที่สุด เราเลี้ยงกุ้งแบบไม่หนาแน่นเพื่อให้กุ้งทุกตัวอยู่กันอย่างสบาย เป็นกุ้งอารมณ์ดี ไม่เครียด และแข็งแรง ใช้กระบวนการสร้างดิน และน้ำให้มีชีวิต สร้างห่วงโซ่อาหารและจัดการระบบนิเวศ การเลี้ยงกุ้งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ขั้นตอนคือ

การเตรียมบ่อ ขั้นตอนนี้จะต้องควบคุมระดับความสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ พืชเซลเดียว และแพลงตอนสัตว์ เพื่อให้ระบบนิเวศในบ่อกุ้งเหมาะสมต่อการปล่อยลูกกุ้ง เริ่มต้นจากการเตรียมบ่อที่สะอาด ก่อนที่จะปล่อยกุ้ง มี 2 กระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ

1) กระบวนการทำให้ดินมีชีวิตเป็นการสร้างวงจรแร่ธาตุและสารอาหาร จะต้องบำรุงดินโดยเติมวัสดุอินทรีย์และปูนแคลเซี่ยมแมกนีเซียม และใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายวัสดุอินทรีย์และย่อยของเสียที่พื้นบ่อ ให้เปลี่ยนเป็นแร่ธาตุและสารอาหารอันอุดมสมบูรณ์สำหรับแพลงตอนพืช หรือ สาหร่ายเซลเดียว และการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์นี้จะทำให้พื้นบ่อสะอาดปราศจากของเสีย

2) กระบวนการสร้างน้ำให้มีชีวิต ก็จะถูกจัดการตามมา ซึ่งเป็นการสร้างห่วงโซ่อาหารภายในบ่อกุ้ง จะเริ่มต้นจากสร้างพวกแพลงตอนพืชหรือสาหร่ายเซลเดียว ซึ่งได้รับแร่ธาตุ และสารอาหารจากการย่อยสลายทำให้มันเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แพลงตอนพืชพวกนี้เป็นผู้ผลิตเริ่มแรกของห่วงโซ่อาหาร และเป็นอาหารอันอุดมของสัตว์น้ำขนาดเล็กหรือแพลงตอนสัตว์ จะทำให้สัตว์น้ำขนาดเล็กเหล่านี้ เพิ่มจำนวนขึ้นมาก และเป็นอาหารธรรมชาติที่ดีที่สุดของลูกกุ้ง

ขั้นตอนถัดไป คือ การเลี้ยงกุ้ง แบ่งได้เป็น 3 หัวข้อที่สำคัญ คือ

1) การปล่อยลูกกุ้งน้อยๆ ต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ จำนวนปล่อย และช่วงเวลาการปล่อย เริ่มจากการคัดสายพันธุ์กุ้งที่แข็งแรง ทนทาน จำนวนที่ปล่อยน้อย เลี้ยงแบบไม่หนาแน่น มีกุ้งอยู่ในบ่อเฉลี่ยประมาณ 30,000 ตัว/ไร่ หรือ ได้ผลผลิตเฉลี่ยที่ประมาณ 1,000 กิโลกรัม/ไร่ หรือ 1 ตัน/ไร่ นอกจากนี้ การเลือกช่วงเวลา การเริ่มฤดูการเลี้ยงหลัก ต้องให้เหมาะสมกับสภาพน้ำทะเล และสภาพภูมิอากาศของอันดามัน

2) การให้อาหารธรรมชาติ ในช่วงแรกของการเลี้ยง จะไม่มีการให้อาหารแก่ลูกกุ้ง แต่จะให้ลูกกุ้งหากินอาหารธรรมชาติที่ถูกเลี้ยงขึ้นมาดังที่กล่าวไว้ข้างต้น จนสังเกตุจากสีของขี้กุ้ง ว่าอาหารธรรมชาติเริ่มหมดแล้ว จึงเริ่มให้อาหารเม็ด ในบางบ่ออาหารธรรมชาติเหล่านี้มีให้ลูกกุ้งกินได้นานถึง 45 วัน หรือ เดือนครึ่ง เมื่อกุ้งมีอายุได้ประมาณ 120 วัน หรือ 4 เดือน ก็จะเริ่มจับ

3) การจัดการระบบนิเวศในบ่อเลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ หรือใช้ธรรมชาติช่วยในการเลี้ยงกุ้งให้มากที่สุด ได้แก่ การจัดการคุณภาพน้ำ และคุณภาพดินพื้นบ่อ การจัดการวงจรแร่ธาตุ และสารอาหาร และการจัดการวงจรของห่วงโซ่อาหาร การจัดการความสัมพันธ์เชิงปริมาณ ของจุลินทรีย์ แพลงตอนพืช สัตว์ และกุ้ง โดยอาศัยวิถีธรรมชาติ ใช้และเลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุดในการจัดการ เช่น ปริมาณแสงอาทิตย์และฤดูกาล วิธีการชีวภาพ การเปลี่ยนถ่ายน้ำ และการให้ออกซิเจนละลายในน้ำมีค่าที่สูง นอกจากนี้ ตลอดกระบวนการเลี้ยงจะไม่มีการดูดเลนขี้กุ้งทิ้งทะเล ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษทำลายดินหรือน้ำ เป็นการเลี้ยงกุ้งแบบไร้สาร ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เราเป็น กินกุ้งกัน

ร้านอาหารของเราเริ่มจากวัตถุดิบกุ้งที่สุดยอดของความสด จากฟาร์มเราจับมาแบบเป็นๆ แล้วมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด จากนั้นจึงจะนำมายังร้านอาหาร “กินกุ้งกัน” เราขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการวัตุดิบกุ้ง พรีเมี่ยมพิเศษกับคุณดังนี้

เริ่มจากการจับกุ้งอาจจะใช้ลอบจับ หรือใช้วิธีลากอวน หรือเปิดประตูน้ำแล้วใช้อวนจับ แล้วนำกุ้งมาใส่ในถังขนาดใหญ่ 500-1,000 ลิตร ที่เตรียมน้ำทะเลจากในบ่อเลี้ยงเดิมแล้วลดอุณหภูมิลงมาที่ 18-20 องศาเซลเซียส เพื่อให้กุ้งปรับตัวกับอุณหภูมิใหม่ที่ต่ำกว่า จากนั้นจะนำกุ้งประมาณ 10 ก.ก. มาใส่ในถังขนาดประมาณ 40 ลิตร ที่มีน้ำทะเลที่สะอาดที่เตรียมมาจากโรงทำความสะอาด และมีอุณหภูมิ18-20 องศาเซลเซียส เพื่อให้กุ้งปรับตัวกับน้ำทะเลแบบเดียวกับในโรงทำความสะอาด และความเย็นนี้เอง จะทำให้กุ้งมี Metabolism (การเผาผลาญระดับเซลล์) ลดลง สงบนิ่ง ไม่เครียด หลังจากนั้นขนส่งโดยรถบรรทุกเล็ก คันละ 200 ก.ก. ควบคุมอุณหภูมิที่ 18-20 องศาเซลเซียส และให้ออกซิเจนละลายน้ำสูงที่สุด จนถึงจุดอิ่มตัวตลอดเวลา ตั้งแต่จับกุ้งลงถัง จนส่งไปถึงโรงทำความสะอาดกุ้ง

กุ้งสปา คือ กุ้งที่ผ่านกระบวนการทำความสะอาดกุ้งแบบพิเศษ (สปา) เมื่อกุ้งมาถึงโรงทำความสะอาด ในกระบวนการทำความสะอาดกุ้ง จะนำกุ้งมาพักไว้ภายในโรงเรือนปิดในบ่อปูนที่มีน้ำทะเลสะอาด และถูกลดอุณหภูมิ และควบคุมไว้ที่ 18-20 องศาเซลเซียส แล้วเริ่มทำความสะอาดโดยใช้น้ำทะเลที่ผ่านการกรองที่สะอาดมาก 3-5 ไมครอน และถูกลดอุณหภูมิลงมาที่ 18-20 องศาเซลเซียส และพร้อมกับยิงฟองอากาศให้ไหลผ่านตัวกุ้งเพื่อนวดขัดถูทำความสะอาดภายนอก ในขณะนั้นกุ้งเองก็จะขับของเสียเหลวทางเหงือก ช่องใต้หนวด และของแข็งทางท่อบริเวณหาง (Anus) ออกมาด้วย ในกระบวนการทำสปานี้ต้องใช้เวลาประมาณ 6-12 ช.ม. เป็นอย่างน้อย เพื่อให้แบคทีเรีย จุลินทรีย์และของเสียต่างๆ จะถูกกำจัดออกจนเกือบหมดจนได้กุ้งที่สะอาดจริงๆ ทั้งภายนอก และภายในตัวกุ้ง นอกจาก ความสะอาดแล้วการทำความสะอาดด้วยน้ำ

ทะเลเย็นเป็นเวลานานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อของกุ้งจะหดทีละนิดๆ จนถึงขีดสุด ทำให้ได้กล้ามเนื้อกุ้งที่สะอาด แน่น เมื่อนำมาปรุงอาหารเนื้อกุ้งสปาจะเด้งกรอบ และหวานสดธรรมชาติที่แท้จริงของกุ้งทั้งหมด แบบที่คุณไม่เคยทานกุ้งแบบนี้มาก่อนในชีวิต

ความสดพิเศษสุดๆ แบบกุ้งสปา เรามั่นใจในความสดของกุ้งสปาที่นำมาใช้ปรุงให้คุณว่ามีความสดพิเศษสุดๆ แบบกุ้งเป็นๆ แม้ว่ามองวัตถุดิบกุ้งด้วยตาเปล่าก็จะรู้ทันทีถึงความสด หากนำกุ้งไปทดสอบระดับความสดด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ วัดค่าทางเคมีหาค่าอินโดล (Indole) ด้วยวิธี Colorimetric ซึ่งเป็นการวัดการย่อยสลายของโปรตีนโดยแบคทีเรีย ซึ่งโปรตีนของกุ้งจะถูกย่อยสลายหลังจากที่กุ้งตาย โดยหากวัดไม่พบการย่อยสลายนั้นคือ ความสดสูงสุด จะให้ค่าการวัดค่าอินโดลมีค่าเป็นศูนย์ แต่หากมีการย่อยสลายโปรตีนมากความสดจะลดลง การวัดจะให้ค่าในระดับสูง ซึ่งกุ้งสดมีค่าไม่เกิน 25 ไมโครกรัม/100 กรัม วัตถุดิบกุ้งสปาของเรามีค่าการวัดที่ระดับ 0.00-0.01 ไมโครกรัม/100 กรัม (ไม่เกิน 0.01 ไมโครกรัม/100 กรัม) นั่นแสดงถึงความสดพิเศษสุดๆ ที่เราตั้งใจจริงๆ ที่จะเสิร์ฟความสดธรรมชาติที่แท้จริงทั้งหมดให้คุณ

เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า วัตถุดิบที่สดมีความสำคัญที่สุดกับรสชาติของอาหาร คุณกำลังจะทานกุ้งพรีเมี่ยมที่พิเศษมากๆ ด้วยวัตถุดิบกุ้งคุณภาพพรีเมี่ยมพิเศษที่ผ่านกระบวนการที่พิเศษของการจัดการวัตถุดิบให้ มีความสดพิเศษสุดๆ แบบกุ้งเป็นๆ สะอาดสุดๆ ทั้งภายนอก และภายใน และกล้ามเนื้อกุ้งที่หดถึงขีดสุด พร้อมที่จะเด้งกรอบ และขับรสชาติของความสดหวานธรรมชาติที่แท้จริงให้คุณได้ลิ้มรสตามแบบฉบับของเรา ด้วยความตั้งใจของเราที่จะให้คนไทยได้มีกุ้งคุณภาพพรีเมี่ยมพิเศษแบบนี้ขึ้นเสิร์ฟบนโต๊ะ ได้ทานอร่อยแบบสบายกระเป๋า เราจึงขอเชิญชวนคุณว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณจะต้องลอง “กินกุ้งกัน@ภูเก็ต” และคุณจะต้องมาทานที่ภูเก็ตเท่านั้น เพราะ กุ้งพรีเมี่ยมพิเศษแบบนี้ มีที่นี่ ที่ภูเก็ต ที่เดียวในประเทศไทย !!!