แคมเปญนี้เริ่มรณรงค์กันมาตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2021 ใช้ชื่อแคมเปญว่า “Car-free Berlin” รวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายแก้ไขให้พื้นที่ใจกลางเมือง “เบอร์ลิน” ประเทศเยอรมนี เป็นพื้นที่ Car-free Zone ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าพื้นที่ จุดประสงค์เพื่อลดมลพิษและภาวะโลกร้อน และพวกเขาทำสำเร็จในขั้นต้นไปแล้ว เพราะรวบรวมรายชื่อได้ 50,000 รายชื่อเมื่อเดือนตุลาคม 2021 ขั้นต่อไปจะมีการลงประชามติในปี 2023
แน่นอนว่าการจำกัดรถยนต์เข้าออกจะมีข้อยกเว้นให้กับรถ 6 กลุ่ม ได้แก่ รถเมล์, รถแท็กซี่, รถขนส่ง, รถตำรวจ, รถดับเพลิง และรถที่ผู้ใช้งานมีความจำเป็นด้านร่างกาย ทั้งนี้ จะมีข้อยกเว้นให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าเขตได้ 12 ครั้งต่อปี เพราะบางครั้งประชาชนก็อาจมีความจำเป็นจริงๆ นอกเหนือจากนั้นจะไม่สามารถเข้าได้ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใช้รถสาธารณะ เดินเท้า ขี่จักรยาน ทำให้พื้นที่ผิวถนนจะถูกนำมาใช้ประโยชน์อื่นเพิ่ม เช่น พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียว แก้ปัญหามลพิษ ภาวะโลกร้อน และลดอุบัติเหตุอีกด้วย
หากแคมเปญนี้สำเร็จ เบอร์ลินจะกลายเป็น Car-free Zone ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ชั้นใน ตั้งแต่พระนครไล่เรื่อยไปถึงสาทร ปทุมวัน จนถึงสุขุมวิทโซนทองหล่อเลยทีเดียว
ปัจจุบันเบอร์ลินมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแค่ 1.3% เท่านั้น ดังนั้นการรอรถยนต์ไฟฟ้าคงจะไม่ทันการ และการห้ามรถยนต์เข้าไปเลยก็มีประโยชน์อื่นดังที่กล่าวไปข้างต้นด้วย
ที่มา: positioningmag.com
